วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลักษณะการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต

ลักษณะการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต



1.BUSINESS TO BUSINESS



B2B
การทำธุรกิจการค้าระหว่างหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการค้าขายกันระหว่างบริษัทกับบริษัท ซึ่งมักจะเป็นผู้ผลิตสินค้า โดยผู้ซื้อและผู้ขายเป็นหน่วยงานธุรกิจทั้งคู่



2. BUSINESS TO CUSTOMER


B2C
ในขณะที่ บริษัท ส่วนใหญ่ที่ขายโดยตรงให้กับผู้บริโภคสามารถจะเรียกว่า บริษัท B2C คำที่กลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในช่วงบูมดอทคอมของปลายปี 1990 เมื่อมันถูกนำมาใช้ส่วนใหญ่จะหมายถึงร้านค้าปลีกออนไลน์เช่นเดียวกับ บริษัท อื่น ๆ ที่ขายสินค้าและ บริการให้กับผู้บริโภคผ่านทางอินเทอร์เน็ต


3. CUSTOMER TO CUSTOMER






















C2C

ธุรกิจหลายแห่งมีการดำเนินงานออนไลน์ การประมูลออนไลน์และคลาสสิฟายด์เช่นอีเบย์และรายชื่อของเครกเป็นตัวอย่างของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จมากที่จะรูปแบบธุรกิจของลูกค้า



4. BUSINESS To GOVERNMENT






















B2G
เรียกว่าตลาดนิยามของ “การตลาดภาครัฐ” ซึ่งจะครอบคลุมการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการให้อยู่ในระดับต่าง ๆ ของรัฐบาล


5. GOVERNMENT To CUSTOMER

















G2C
http://www.bangkokbank.com/OnlineBankingThai/PersonalBanking/iBanking/BualuangiBanking/Services/Pages/ProvincialElectricityPayment.aspx

เชื่อมโยงการสื่อสารระหว่างบุคคลภาครัฐและเอกชนหรือผู้อยู่อาศัย การสื่อสาร G2C ดังกล่าวส่วนใหญ่มักจะหมายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

6. MoBILE To MoBile









วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บริการบนอินเทอร์เน็ต

บริการบนอินเทอร์เน็ต

1. Google


2. Messenger



3. Yahoo





4. Youtube





5. Facebook




6. instagram


7. WeChat


8. Hi 5 





9. Line




10. WhatsApp



11. linkedin




12. Myspace






13. Camflog





14. Skype




15. Socialcam




16. Game




17. twitter




18. flickr












วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติความเป็นมา ของคอมพิวเตอร์ !!

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์คืออะไร

คอมพิวเตอร์ (Computer) หมายถึง  อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูล ทำการประมวลผล  สื่อสาร  จัดเก็บข้อมูล  เคลื่อนย้ายข้อมูล และแสดงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือได้

บิดาแห่งคอมพิวเตอร์
 คอมพิวเตอร์มีมีหลายสิบปีแล้ว โดยพัฒนามาจากเครื่องคิดคำนวณโดย ชาร์ล แบบเบจ ชาวอังกฤษ เป็นผู้พัฒนาเครื่องคิดคำนวณให้สามารถทำการประมวลผลข้อมูลได้ จึงยกย่องให้ ชาร์ล แบบเบจ เป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์


วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
 คอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการแบ่งออกเป็น 5 ยุค ดังนี้
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูง จึงมีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีระบบระบายความร้อนที่ดีมาก การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ของยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค (UNIVAC)

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2507 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transister) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำ เป็นคอมพิเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่ายุคแรก ราคาถูกลง ต้นทุนต่ำกว่าใช้กระแสไฟฟ้าน้อย มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2513 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือเรียกว่าวงจรไอซี ซึ่งเป็นสารกึ่งตัวนำที่บรรจุวงจีทางตรรกะไว้ แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลอคอน(Silicon) เรียกว่า ชิป ซึ่งสามารถทำงานได้เท่ากับทรานซิสเตอร์หลายร้อยตัว เครื่องคอมพิวเตอร์จึงมีขนาดเล็กลง ความเร็วเพิ่มขึ้นและใช้กำลังไฟน้อย

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2514 ถึง พ.ศ. 2523 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจร LSI (Large Scale Integration) เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมากลงในแผ่นซิลิคอนชิป 1 แผ่น สามารถบรรจุได้มากกว่า 1 ล้านวงจร ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง หรือไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นแบบตั้งโต๊ะ หรือพกพาได้ ทำงานเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2524-ปัจจุบัน เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจร VLSI (Very Large Scale Integration) เป็นการพัฒนาไมโครโพรเซสเซอร์ให้มีประสิทธภาพมากขึ้น คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้เพื่อช่วยในการจัดการ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา โดยจะมีการเก็บข้อมูลไว้ เมื่อต้องการใช้งานก็สามารถเรียกข้อมูลที่เก็บไว้มาใช้ในการทำงานได้ ขนาดเครื่องมีแนวโน้มเล็กลง และมีความเร็วสูงขึ้น เช่น         โน๊ตบุ๊ก